Big Ben

นอกชายฝั่งทวีปยุโรป ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นหมู่เกาะ ที่มีชื่อว่า หมู่เกาะบริเตน หมู่เกาะดังกล่าว ประกอบด้วยเกาะ กว่าสองพันเกาะ มีเกาะใหญ่ๆ อยู่สองเกาะครับ เกาะหนึ่งชื่อ Great Britain เป็นที่ตั้งของดินแดน 3 ส่วน คือ Scotland อยู่ทางเหนือ, Wales อยู่ทางตะวันตก , และ England อยู่ทางภาคกลางและทางใต้ ส่วนอีกเกาะหนึ่ง อยู่ถัดออกไป เป็นที่ตั้งของดินแดน Ireland ครับ

ดินแดนทั้งสามส่วน บนเกาะ Great Britain นั้น รบกันอย่างเมามัน มากว่าสองพันปีก่อน (ถ้าน้องๆ อยากทราบว่า Scotland กับ England รบกันดุเดือดขนาดไหน หาดูได้จากวิดีโอ เรื่องน้องแน็ท ... เอ้ย ... เรื่อง Braveheart ครับ) จนในที่สุด ดินแดนทั้งสาม บนเกาะนี้ ก็รวมตัวกัน เป็นประเทศเดียว แล้วยังไปยึดเอา ดินแดนทางเหนือ ของอีกเกาะ มาไว้ในครอบครองอีกด้วย ปัจจุบัน ประเทศนี้ จึงมีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า United Kingdom of Great Britain and Northen Ireland สหราชอาณาจักร แห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ครับ

สัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของลอนดอน เมืองหลวงของประเทศนี้ คือ Big Ben ตัวหอนาฬิกาที่เห็นนี้ มีชื่อเต็มว่า Saint Stephen's Tower มีความสูงประมาณ 106 เมตร เป็นอาคารส่วนหนึ่ง ของพระราชวัง เวสมินสเตอร์ ซึ่งสร้างในสมัย พระนางเจ้าวิกตอเรีย ปัจจุบันอาคารดังกล่าว ใช้เป็นอาคารรัฐสภา

ชื่อ Big Ben นั้น ความจริงไม่ใช่ชื่อของ นาฬิกา หรือหอนาฬิกาครับ แต่เป็นชื่อของระฆัง หนัก 13.5 ตัน ที่ใช้ตีบอกเวลา ในหอนาฬิกานี้

สถานีวิทยุ BBC ใช้เสียงระฆังจาก Big Ben กระจายเสียงให้คนทั่วโลก ทราบเวลาทุกชั่วโมง และเนื่องจาก ใน ค.ศ. 1881 มีการตกลง ระดับนานาชาติ ให้ถือเอาหอดูดาว ที่ Royal Observatory ตำบลกรีนิช (Greenwich) ทางตอนใต้ ของลอนดอน เป็นจุดอ้างอิง เส้นแวง 0 องศา และเป็นจุดอ้างอิง ในการแบ่งเวลา 24 ชั่วโมง ตามส่วนต่างๆ ของโลก ดังนั้น เสียงนาฬิกา Big Ben นี้ จึงใช้เทียบเวลา Greenwich Mean Time ไปในตัวครับ
ด้านใต้ของ พระราชวังเวสมินสเตอร์ คือวิหารเวสมินสเตอร์ (Wesminster Abbey) เป็นสถานที่ ประกอบพระราชพิธี บรมราชาภิเษก ของกษัตริย์อังกฤษ มาตั้งแต่สมัย พระเจ้าวิลเลียม วิชิตราช เมื่อ ค.ศ. 1066 คือกว่า 900 ปีแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นฝังพระศพ ของพระราชวงศ์ และอนุสรณ์ของ บุคคลสำคัญ ชาวอังกฤษ อาทิเช่น นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา กวี นักสำรวจครับ







ตู้โทรศัพท์สีแดง สัญญลักษณ์อีกอย่าง ของลอนดอน
สำหรับน้องๆ ที่ไม่กลัวความสูง คงจะอยากลองขึ้น London Eye นะครับ

สายการบิน British Airways ลงทุนก่อสร้าง London Eye เพื่อฉลอง ค.ศ. 2000 สำหรับสิ่งก่อสร้างนี้ ว่ากันจริงๆ ก็คือ ชิงช้าสวรรค์ ที่สูงที่สุดในโลกครับ ความสูงอยู่ที่ 135 เมตร (ประมาณตึก 45 ชั้น) เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับ 6 บนประเทศนี้

ชิงช้าสวรรค์ หมุนแต่ละรอบ จะใช้เวลาครี่งชั่วโมง และมองเห็นทิวทัศน์ลอนดอน ไปไกลประมาณ 40 กิโลเมตรครับ
Natural History Museum เป็นที่จัดแสดง พืช สัตว์ แร่ธาตุต่างๆ โครงกระดูก ไดโนเสาร์ วิวัฒนาการของมนุษย์ น่าเสียดาย ที่เราไม่มีโอกาสเข้าไปดู



คณะของเรามีคนร่วมร้อย จึงต้องใช้รถบัสหรือ coach 2 คัน สำหรับคนพิเศษอย่างพี่ติ๋ง ก็ต้องเจอรถพิเศษหน่อยครับ รถโค้ชที่พี่ติ๋งนั่ง ทั้งคัน เก้าอี้ ปรับพนักพิงไม่ได้ และต้องนั่งรถคันนี้ ไปอีกหลายวัน

พนักงานขับรถโค้ชที่อังกฤษนี่ ทุกคนจะใส่เชิ้ตแขนยาว ผูกเน็คไท เหน็บหูฟังไร้สาย BlueTooth กันทุกคนครับ ระหว่างขับรถ มีโทรศัพท์เข้ามาเรื่อยๆ ครับ คงจะติดต่อธุรกิจพันล้านกัน ส่วนงานขับรถนี่เป็นงานอดิเรก ทำแก้เหงาไปวันๆ

ตอนที่พี่ติ๋งไปอังกฤษนั้น อัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ ปอนด์ละ 75 บาทครับ น้ำมันเบนซินในเมืองไทย ราคายังไม่ถึงลิตรละ 17 บาท แต่น้ำมันที่อังกฤษ ราคาเกินกว่า หนึ่งร้อยบาทแล้ว ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้ น้ำมันคงแพงกว่าเดิมมาก ส่วนน้ำดึ่มนั้นไม่น้อยหน้า น้ำอัดลมขนาด 500 มล. ในขวด PET บ้านเราขายที่ 14 บาท ที่อังกฤษขายอยู่ประมาณ 100 บาทครับ

ว่ากันตามจริง ราคาสินค้าต่างๆ ไม่ได้แพงมาก หรือแตกต่าง ไปจากทางยุโรปมากนัก ที่แพงจริงๆ น่าจะเป็นที่พักนะครับ ทราบมาว่า ห้องพักที่พอใช้ได้ ประเภทโรงแรมจิ้งหรีด จะเริ่มที่ราคาคืนละ 50 ปอนด์ (3,750 บาท) ขึ้นไปครับ พี่ติ๋งไม่ได้ไปพัก โรงแรมแบบนี้ เลยไม่ทราบว่า สภาพจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าน้องๆ เจอจิ้งหรีด ช่วยสอบถามข้อมูล ให้หน่อยนะครับ





U.K.

Rxrama.com. Photographs and texts © 2004 Anupun Sra-ium